วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่10

ความแตกต่างระหว่าง Group และ Page ใน Facebook

Groups and Pages serve different purposes on Facebook. Groups are meant to foster group discussion around a particular topic area while Pages allow entities such as public figures and organizations to broadcast information to their fans. Only the authorized representative of the entity can run a Page.
ที่มา http://www.facebook.com/note.php?note_id=117913888241614

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่9

Facebook แตกต่างกับ Twitter ยังไง ?

เวลาจะชักชวนให้คนอื่นมาเล่น Twitter ก็มักจะมีคำถามกลับมาเสมอว่า “แล้วมันเหมือนกัน Facebook ?” หรือ “แล้วมันต่างจาก Facebook ตรงไหน?” หรือ “มันเล่นเกมส์ได้เหมือน Facebook หรือปล่าว ?” …

ผมก็มักจะตอบกลับไปว่า “Facebook เนี่ย ไว้สำหรับ เรา follow คนที่เรารู้จัก แต่ เราใช้ Twitter เพื่อที่จะ follow คนที่เราสนใจ”
แล้วต้องมีการยกตัวอย่างประกอบด้วย เช่น เราเป็นเพื่อนกับมานะ เราอยากรู้เรื่องของมานะ เราก็ต้องส่ง request ให้ทาง มานะ accept มา แล้วเราก็จะรู้ว่ามานะกำลังคิดอะไรอยู่ “What’s on your mind?” บน Facebook

คราวนี้เราเกิดมีความสนใจว่า เออ Bill Gate เค้าทำอะไรมั่งนะ วันๆ ถ้าส่ง request ให้ คุณ ฺBill Gate เค้าคงไม่ Accept คุณด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น เค้าไม่รู้จักคุณ ต่อให้คุณเป็นเพื่อนเค้า แต่ลองคิดดูว่า วัน ๆ จะมีคนเข้ามา ส่ง request ให้ Bill Gate กี่คนต่อวัน … อันนี้คงมหาศาล (แล้วคิดว่าเค้าจะเข้ามากด Accept หมดหรือปล่าว ? ) ..

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 8

ลักษณะการทำงานขอเฟซบุ๊ก คือ

มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหาและถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของเฟซบุ๊กทันที ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ต่อไปได้ โดยในเฟซบุ๊กจะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกันมา พูดคุย ติดต่อ เมาท์ หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้

ที่มา http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=21&post_id=22459

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 7

Facebook is a social networking website launched in February 2004 that is operated and privately owned by Facebook, Inc.,[1] with more than 500 million[5] active users in July 2010.[6][N 1] Users can add people as friends and send them messages, and update their personal profiles to notify friends about themselves. Additionally, users can join networks organized by workplace, school, or college. The website's name stems from the colloquial name of books given to students at the start of the academic year by university administrations in the US with the intention of helping students to get to know each other better. Facebook allows anyone who declares themselves to be aged 13 or older to become a member of the website
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Facebook

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 6

ในช่วงฤดูร้อนปี 2550 ครั้งนั้น Yahoo พยายามที่จะขอซื้อ facebook ด้วยวงเงินจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่ามาร์คได้ทำการตกลงกันด้วยวาจาไปแล้วด้วยว่า จะยอมขาย facebook ให้กับ Yahoo และเพียงแค่สองสามวันถัดมา หุ้นของ Yahoo ก็ได้พุ่งขึ้นสูงเลยทีเดียว แต่ว่าข้อเสนอซื้อได้ถูกต่อรองเหลือเพียงแค่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มาร์คปฎิเสธข้อเสนอนั้นทันที �� ายหลังต่อมา ทาง Yahoo ได้ลองเสนอขึ้นไปที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกครั้ง คราวนี้มาร์คปฎิเสธ Yahoo ทันที และได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีว่า ทำธุรกิจเป็นเด็กฯ ไปในทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คปฎิเสธขอเสนอซื้อบริษัท เพราะเคยมีบริษัท Viacom ได้เคยลองเสนอซื้อ facebook ด้วยวงเงิน 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกปฎิเสธไปแล้วในเดือนมีนาคมปี 2550
ที่มา www.keng.com

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 5

facebook ยังเติบโตต่อไป จนถึงเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2549 ก็ได้เปิดในโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย เข้าร่วมใช้งานได้ และในเดือนถัดมา facebook ได้เพิ่มฟังค์ชั่นใหม่ โดยสามารถให้สมาชิก เอารูป�� าพมาแบ่งปันกันได้ ซึ่งฟังชั่นนี้ได้ัรับความนิยมอย่างล้นหลาม ในฤถูใบไม้ผลิ facebook� ได้รับเงินจากการลงทุนเพิ่มอีกของ Greylock Partners, Meritech Capitalพร้อมกับนักลงทุนชุดแรกคือ Accel Partners และ ปีเตอร์ ธีล เป็นจำนวนเงินถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการประเมินมูลค่าในตอนนั้นเป็น 525 ล้านเหรียญ หลังจากนั้น facebook ได้เปิดให้องค์กรธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ ให้สามารถเข้าใช้งาน facebook และสร้าง network ต่าง ๆ ได้ ซึ่งในที่สุดก็องค์กรธุรกิจกว่า 20,000 แห่งได้เข้ามาใช้งาน และสุดท้ายในปีพ.ศ. 2550 facebook ก็ได้เปิดให้ทุกคนที่มีอีเมล์ ได้เข้าใช้งาน ซึ่งเป็นยุคที่คนทั่วไป ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถเข้าไปใช้งาน facebook ได้เพียงแค่คุณมีอีเมล์เท่านั้น
ที่มา www.keng.com

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 4

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ facebook

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี่ โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า The Exeter Face Book ซึ่งจะส่งต่อ ๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ซึ่ง face book นี้จริง ๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงและนำมันเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต

ที่มา www.keng.com

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่3



The World Factbook 2008
ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งของ Internet ก็คือการค้นหาข้อมูลความรู้ต่างๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องเพียงใด บางครั้งเรื่องๆ เดี่ยวกันแต่ข้อมูลที่ได้มาจากแต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย
ข้อมูลความรู้ที่ถูกค้นหามากเป็นอันดับต้นๆ ผ่านทาง Internet ก็คือข้อมูลความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่วนใหญ่ก็เพื่อเป็นส่วนประกอบในการวิจัยหรือทำรายงานต่างๆ ถ้าหากพวกเราต้องการความแม่นยำของข้อมูลทั่วๆ ไป ของประเทศต่างๆ ในโลกของเรา คิดว่าข้อมูลจาก The World Factbook เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้มากแห่งหนึ่ง The World Factbook จัดทำโดย CIA (Central Intelligence Agency) ของสหรัฐอเมริกา รวบรวมข้อมูลทั่วไปๆ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ประชากร ฐานะทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ไว้อย่างครบถ้วน ก่อนหน้านี้ข้อมูลเหล่านี้สามารถดูได้ทาง Website ของ CIA เท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ถูกจัดทำเป็น Ebook ให้ download ได้แล้ว ซึ่งล่าสุดนี้เป็น The World Factbook ของปี 2008 update เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2008 นี้เอง (ปกติ World Factbook จะจัดทำปีละครั้ง) ในรูปแบบของ html files เนื่องจากรวบรวมเรื่องราวของประเทศทั่วโลกไว้ทั้งหมด ทำให้เป็น Ebook ขนาดใหญ่พอสมควร ความจุประมาณ 105 Mb


ใบงาน OPAC

คลิก

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 2

เฟซบุ๊ก (อังกฤษ: Facebook) เป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมสำหรับติดต่อแลกข้อมูลข่าวสาร เปิดใช้งานเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ในช่วงแรกนั้นเฟซบุ๊กเปิดให้ใช้งานเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ซึ่งต่อมาได้ขยายตัวออกไปสำหรับมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกา และตั้งแต่ 11 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้ขยายมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปทุกคนเหมือนในปัจจุบัน
เว็บไซต์เฟซบุ๊กก่อตั้งที่เมือง เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ แพโลแอลโท รัฐแคลิฟอร์เนีย เว็บไซต์นี้มีผู้ลงทะเบียนกว่า 250 ล้านชื่อ[1] ซึ่งเป็นที่นิยมอันดับต้นสำหรับเว็บเครือข่ายสังคมเช่นเดียวกับไฮไฟฟ์ และมายสเปซ
ชื่อเฟซบุ๊กนี้มาจากชื่อเรียก "เฟซบุ๊ก" ที่มักจะเป็นหนังสือแจกสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยในช่วงเริ่มเรียนปีแรก ซึ่งมีภาพและชื่อของเพื่อนที่เรียนด้วยกันเพื่อไว้สำหรับจดจำชื่อคนอื่น


ที่มา th.wikipedia.org


วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาหืที่ 1



Facebook (เฟสบุ๊ค) คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรม หนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจ, โพสต์รูปภาพ , โพสต์คลิปวิดีโอ, เขียนบทความหรือบล็อก, แชทคุยกันแบบสดๆ , เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่ม (เป็นที่นิยมกันอย่างมาก) และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่ม เติมอยู่เรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าเลือกใช้กันทั้งปีก็ไม่หมดครับ
ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ Facebook ยังเปิดโอกาสให้เราได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนซี้เพื่อนเก่าก๊วนรัก เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อนร่วมชมรม เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน เพื่อนเราคนบ้านเดียวกัน และไม่นานนักเราก็จะได้พบกับเพื่อนใหม่ที่ถูกใจจริงๆ